10/1/56

เที่ยวถ้ำและป่าพรุที่กระบี่




    ถ้ำลอด ถ้ำผีหัวโต ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี อำเภออ่าวลึก เป็นถ้ำหินปูน นั่งเรือ หรือพายเรือคายัค ไปประมาณ 10 นาที ก่อนจะถึงถ้ำผีหัวโต จะมีทางแยกไปถ้ำลอดที่นั่งเรือเข้าไปชมในถ้ำได้ ที่ปากทางเข้าถ้ำผีหัวโตมองเข้าไปจะเห็นเป็นทางแยกสองทาง ทางซ้ายมือจะตัดตรงไปทางด้านหลังของถ้ำที่เป็นโพรงใหญ่ มีแสงสว่างเข้ามาถึงได้ ส่วนด้านขวามือเป็นทางที่จะตรงเข้าไปยังห้องโถงของตัวถ้ำ แต่เดิมภายในถ้ำเคยพบหัวกะโหลกของมนุษย์ซึ่งมีขนาดใหญ่โตกว่าปกติ จึงเป็นที่มาของชื่อถ้ำผีหัวโต บนผนังถ้ำยังปรากฏภาพเขียนจำนวนมาก อาทิ รูปคน รูปสัตว์ ตลอดจนรูปอวัยวะต่างๆ เขียนด้วยสีแดง สีน้ำตาล สีดำ และบนพื้นถ้ำยังพบเปลือกหอยทับถมกันอยู่จำนวนมาก






   ถ้ำเพชร ตั้งอยู่ตำบลอ่าวลึกเหนือ อยู่ห่างจากสี่แยกตลาดอ่าวลึกประมาณ 3 กิโลเมตร บริเวณด้านหน้ามีพระพุทธรูปปูนประดิษฐานอยู่ เป็นถ้ำขนาดใหญ่ลึกเข้าไปหลายร้อยเมตร ภายในถ้ำมืดมาก ถ้าจะไปเที่ยวชมควรมีไฟฉาย หรือตะเกียงเข้าไปด้วย มีห้องโถงสลับซอกวอนอยู่หลายแห่ง จัดเป็นถ้ำที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง มีหินงอก หินย้อยที่ก่อตัวอยู่อย่างสวยงาม จากปากถ้ำเดินเข้าไปไม่ไกลนัก จะพบแร่ที่ผสมอยู่ในหินปูนตามผนังถ้ำส่องแสงแวววาวเมื่อกระทบแสงไฟ คล้ายเพชร ซึ่งมีอยู่ทั่วไปจึงได้ชื่อว่าถ้ำเพชร ที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งภายในถ้ำคือ มีหินปูนก่อตัวเป็นอ่างน้ำ ตรงกลางอ่างมีหินก่อตัวเป็นรูปคล้ายพาน เป็นจุดที่สวยงาม ตื่นตากับการสร้างสรรค์ของธรรมชาติจริงๆ





ป่าพรุ ท่าปอมคลองสองน้ำ คลองท่าปอม เป็นลำธารสายสั้นๆ ยาวประมาณ 5 กิโลเมตร กำเนิดจากแอ่งน้ำผุดบนเขาช่องพระแก้ว ไหลผ่านสระน้ำกลางป่าก่อนที่จะลงสู่ทะเล โดยคลองท่าปอมอยู่ระหว่างรอยต่อน้ำจืดกับน้ำเค็มพอดี ยามที่น้ำทะเลหนุนสูงน้ำในคลองที่เป็นน้ำจืดก็จะถูกน้ำเค็มจากทะเลเข้ามากลายเป็นน้ำกร่อย ครั้นพอน้ำลงน้ำจืดจากป่าต้นน้ำก็จะดันน้ำทะเลออกหมด ทำให้พื้นที่ธารน้ำท่าปอมเป็นป่าพรุ มีลักษณะพิเศษคือ มีน้ำจืดและน้ำเค็มไหลมาบรรจบกันมีพื้นที่ราว 300 ไร่ กลายเป็นระบบนิเวศเล็กๆ ที่ชวนให้พิศวง มีป่าโกงกาง ป่าชายเลน ชมพู่น้ำ ไม้ป่าพรุ ที่อยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน จึงเป็นที่อยู่ของปลาน้ำจืดและน้ำกร่อย คลองแห่งนี้มีน้ำใสราวกระจก มองดูเป็นสีเขียวมรกต เนื่องจากมีสารละลายหินปูนพวกแคลเซียมคาร์บอเนต และกำมะถันละลายอยู่มาก






   หุบเขาคีรีวงศ์ ภายในหุบเขาประกอบไปด้วยถ้ำเล็ก ถ้ำน้อย มากมาย เช่นถ้ำคนธรรพ์ ถ้ำลอด ถ้ำช้างแก้ว ถ้ำลูกธนู ถ้ำพระ ฯลฯ แวดล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่นับร้อยปี อยู่ที่วัดถ้ำเสือ ต.กระบี่น้อย อ.เมืองกระบี่






17/12/55

เที่ยวพะเนินทุ่ง ตอนที่ 2


    หลังจากหลับสบายเมื่อคืนนี้ ตื่นเช้ามาพร้อมกับอากาศสดชื่น เสียงจากเพื่อนร่วมแคมป์จากเต้นต่างๆ พูดคุยเสียงดังถี่ขึ้น คงจะถึงเวลาไปดูทะเลหมอกกันแล้ว แต่ละคนจัดการภารกิจส่วนตัวแล้วก็ทยอยเดินไปชมทะเลหมอกซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก




     ขับรถเลยต่อไปที่บริเวณจุดชมทะเลหมอก กม.36 ยิ่งสายทะเลหมอกก็ยิ่งดูได้ชัดและมากขึ้น ทุกๆนาทีทะเลหมอกก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยตามสภาพของลมที่พัดผ่าน ยิ่งดูยิ่งสวย แต่ก็ต้องรีบลงมาเพื่อเก็บข้าวของเดินทางลงตามเวลาที่ทางอุทยานฯ กำหนด







                  น้ำตกป่าละอู


   เมื่อลงจากพะเนินทุ่ง ได้แวะไปเที่ยวที่น้ำตกป่าละอู ก่อนที่จะเดินทางกลับ ลัดเลาะมาตามเส้นทางขึ้นเขาบ้าง ผ่านไร่สับปะรดบ้าง กว่าจะมาทะลุน้ำตกได้เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน



    น้ำตกชั้นที่ 4 นับว่าเป็นชั้นที่สวยที่สุด จากทั้งหมด 15 ชั้น น้ำตกป่าละอู อยู่ทางตอนใต้ของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ในท้องที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคิรีขันธ์ ห่างจากหัวหินประมาณ 60 กิโลเมตร ใกล้หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ กจ.3 (ห้วยป่าเลา)



     ออกจากน้ำตกป่าละอู จะเดินทางกลับ ระหว่างทางเจอช้างป่าเดินข้ามถนนมาก็เลยหยุดรถดับเครื่อง จอดอยู่ห่างพอสมควร ช้างตัวใหญ่เดินตามถนนมาเรื่อยๆ ตอนแรกก็คิดว่ามันคงจะเดินผ่านไป แต่ที่ไหนได้มันตรงรี่เข้ามาหารถเรา พร้อมกับเอางาแทงผ้าคลุมของท้ายรถงัดขึ้น ทุกคนตกตะลึงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ถ้าไม่รีบทำอะไรสักอย่างมันคงรื้อกระจุยแน่ ทันใดนั้นลูกชายที่ขับรถก็รีบสตาร์ทรถออกตัวไปทันที เล่นเอาขวัญหนีตีฝ่อไปตามๆกัน เมื่อรอดพ้นมาได้ก็พูดติดตลกเป็นโจ๊กฮากันมาตลอดทาง "...กูว่าแล้วเห็นแต่ขี้ช้างเถอะ อย่าเจอช้างขี้ก็แล้วกัน..." เกือบแล้วไมละ